สวัสดีครับ สำหรับคนที่เพิ่งใช้กล้องที่ตั้งค่าได้หลากหลาย ต้องมีคนงงกับโหมดถ่ายภาพต่างๆ ที่มีให้เยอะแยะจนเลือกใช้ไม่ถูกแน่ๆ และถึงแม้กล้องแต่ละตัวมีโหมดต่างกันออกไป แต่ที่เหมือนกันคือจะมีโหมด Auto P A S M เป็นมาตรฐานแน่ๆ(Canon ใช้ Auto P Av Tv M)
ดูๆ ไป โหมด PASM มันต้องสำคัญแน่ๆ ถึงมีในกล้องทุกรุ่นแบบนี้ ว่าแต่…มันคืออะไรล่ะ?
หน้าที่หลักของโหมด P A S M
หน้าที่หลักของโหมดพวกนี้มีแค่เรื่องเดียว คือการอนุญาตให้ผู้ใช้ปรับตั้งค่า 3 ค่า ได้แก่
- ชัตเตอร์สปีด(Shutterspeed)
- รูรับแสง(F-stop)
- ความไวแสงของเซ็นเซอร์(ISO)
ทั้ง 3 ค่าเป็นตัวแปรสำหรับเพิ่ม-ลดแสง และมีหน้าที่อื่นๆอีกด้วย โดยโหมดแต่ละโหมดกล้องจะให้เราปรับตั้งค่าได้ไม่เท่ากัน ตามตารางด้านล่าง
*กล้อง Canon จะใช้ Mode Av แทน Mode A และใช้ Mode Tv แทน Mode S
**ค่าชดเชยแสง(EV comp) จะใช้ได้ต่อเมื่อมี F-stop , shutterspeed , ISO อย่างน้อย 1 ค่าที่ตั้งไว้ Auto ซึ่งโดยปกติกล้องจะวัดแสงและทำให้ภาพสว่างพอดีด้วยตัวเอง แต่หากเรารู้สึกว่าภาพนั้นๆ มืดหรือสว่างเกิน เราสามารถปรับเพิ่มลดความสว่างได้ นั่นคือที่มาของชื่อ “ชดเชยแสง” นั่นเอง
***ค่า Auto ที่กล้องแต่ละรุ่นทำได้อาจไม่เหมือนกัน เช่นบางรุ่นจะใช้ Auto ISO ใน Mode M ไม่ได้
****กล้องบางรุ่นอาจมีเงื่อนไขพิเศษ เช่นกล้อง Nikon1 จะบังคับให้เราใช้ Mode M เมื่อใช้เลนส์มือหมุน
Mode Auto คืออะไร?
Mode Auto หรือที่กล้องบางค่ายเรียก Ai เรียก intelligence หรืออะไรที่ชื่อดูฉลาดมากๆ นั่นคือโหมดที่กล้องจะตั้งค่าให้ทุกอย่าง ทั้ง F-stop Shutterspeed ISO รวมถึง WB และกล้องบางตัวจะใส่ Effect แถมมาให้ด้วยโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเลย ยกกดๆ ก็พอ
Mode Auto เหมาะกับสถานการณ์ไหน
Mode Auto เหมาะกับคนที่ตั้งค่าอะไรไม่ถูก หรือในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้น ใช้ Auto ก็ดีครับ ปล่อยทุกอย่างให้กล้องคิดเองเลย 😀
Mode P คืออะไร?
Mode P คล้ายกับ Auto คือกล้องสามารถตั้งค่า 3 ค่าหลักอย่าง F-stop Shutterspeed และ ISO ได้เอง เราไม่ต้องทำอะไรเลย ยกกดๆ
แต่หากเรารู้สึกว่าภาพมืดหรือสว่างเกินไป เรายังปรับชดเชยแสงด้วยตัวเองได้
Mode P เหมาะกับสถานการณ์ไหน
Mode P เหมาะกับคนที่ไม่ต้องารตั้งค่า 3 ค่าหลักเอง แต่ยังอยากปรับชดเชยแสง หรือตั้งค่าโทนภาพและอื่นๆ เองอยู่
Mode A คืออะไร?
Mode A นั้น เราสามารถปรับรูรับแสง(F-stop) ได้อย่างอิสระด้วยตัวเองโดยที่กล้องจะแอบตั้งให้เราไม่ได้แล้ว ซึ่งรูรับแสงนั้นสามารถควบคุมแสงที่ผ่านหน้าเลนส์ได้(มีผลต่อความสว่างของภาพ) และคุมการละลายฉากหลังได้ด้วย ใครชอบละลายหลังเริ่มที่ Mode A ได้เลย อย่างรอใช้แต่ Mode Auto หรือ Mode P นะ
ส่วนค่าอื่นๆ อย่าง Shutterspeed และ ISO กล้องยังตั้ง Auto ได้เหมือน Mode P ครับ
Mode A เหมาะกับสถานการณ์ไหน
Mode A เหมาะกับการถ่ายที่อยากปรับรูรับแสงเอง เช่นการถ่ายคนละลายหลัง ที่เราบังคับเองได้ว่าจะให้เบลอมากเบลอน้อย ถ้าเราใช้ Mode A กล้องจะได้แอบปรับรูรับแสงไม่ได้
Mode S คืออะไร?
Mode S นั้น เราสามารถปรับตั้งค่าชัตเตอร์สปีด(Shutterspeed) ได้ด้วยตัวเองโดยที่กล้องจะไม่เข้ามายุ่งเลย โดยชัตเตอร์สปีดนั้นจะควบคุมเวลาในการเปิดรับภาพเข้ากล้อง (มีผลต่อความสว่างของภาพ) และชัตเตอร์สปีดนั้นเป็นตัวแปรในการจับความเคลื่อนไหวของวัตถุ
ถ้าสงสัยว่าทำไมถ่ายภาพแล้วอะไรที่เคลื่อนไหวเร็วๆ ถึงได้เบลอ อย่างเช่นถ่ายรถวิ่งที่กำลังวิ่ง นี่ล่ะครับ ต้องหัดตั้งค่าชัตเตอร์สปีดแล้วล่ะ เริ่มที่ Mode S ได้เลย
ส่วนค่าอื่นๆ อย่าง F-stop และ ISO เรายังใช้ Auto ได้เหมือน Mode P ครับ
Mode S เหมาะกับสถานการณ์ไหน
เมื่อไรที่ซีเรียสกับความเร็วชัตเตอร์ควรใช Mode S ครับ อย่างเช่นการถ่ายวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วๆ หรือเมื่อใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสสูงๆ อย่างเทเลซูมแล้วภาพเบลอ บางทีก็เกิดจากชัตเตอร์สปีดต่ำเกินไป การใช้ Mode S แล้วตั้งค่าเองอาจช่วยได้
Mode M คืออะไร?
ก่อนหน้านี้เราเห็น Mode A และ Mode S ที่ปรับตั้งค่ารูรับแสงเองได้ ปรับชัตเตอร์สปีดเองได้มาแล้ว
ที่ Mode M เราสามารถปรับทั้งรูรับแสง ชัตเตอร์สปีด และ ISO ด้วยตัวเองพร้อมๆ กันได้ทั้งหมดเลย โหมดนี้เหมาะกับงานที่ซีเรียส ไม่อยากใช้ Auto ให้กล้องวัดแสงเพี้ยน หรือสถานการณ์ที่ทุกค่าเราต้องกำหนดเองเพื่อป้องกันความผิดพลาด เช่น ถ่ายดาว หรือการถ่ายคนแบบแสงน้อยที่ต้องคุมทั้งรูรับแสง และชัตเตอร์สปีดไปพร้อมๆ กัน
ถ้าคุณใช้ Mode M ได้คุ้นมือ คุณจะถ่ายอะไรก็ได้แล้วล่ะ
Mode M เหมาะกับสถานการณ์ไหน
เมื่อไรที่คุณต้องคุมเองทั้งรูรับแสง ทั้งชัตเตอร์สปีด นั่นคือเวลาที่ต้องใช้ Mode M ครับ
อย่างผมเองจะใช้บ่อยๆ เมื่อถ่ายคนโดยใช้เลนส์เทเล หรือไม่ก็ตอนถ่ายไฟวิ่งเป็นเส้น ถ่ายพลุ หรืออะไรที่มันดูยากๆ หน่อย การถ่ายแนวนี้บางทีใช้ Mode M ก็ถ่ายง่ายกว่าโหมดอื่น 😉
คำถามที่พบบ่อย
Q: Mode M คือโหมดที่ดีที่สุดหรือไม่
A: ไม่ใช่… Mode M ทำให้เราตั้งค่าได้ละเอียดกว่าโหมดอื่นก็จริง แต่การตั้งค่าหลายอย่าง บางทีก็ช้าไป ทำให้พลาดโอกาสได้นะ
Q: สถานการณ์ไหน ควรใช้โหมดอะไร
A: โหมดถ่ายภาพไม่มีกฎตายตัว ขึ้นกับว่าสถานการณ์นั้นๆ เราต้องการควบคุมอะไรบ้าง แล้วเลือกโหมดถ่ายภาพตามโจทย์ข้างต้นก็พอ
Q: จำเป็นต้องหัดใช้ P A S M ให้เป็นทุกโหมดหรือไม่
A: ไม่ต้องคล่องทุกโหมด แต่ขอให้เข้าใจว่าโหมดไหนใช้เพื่ออะไร ถ้าเราเข้าใจโหมดถ่ายภาพบ้าง เมื่อถึงสถานการณ์ที่ต้องใช้เราจะได้หัดใช้เอง
Q: ชดเชยแสง เกี่ยวอะไรกับโหมด PASM
A: เกี่ยวข้องโดยตรงเลยครับ เพราะเราจะปรับ “ชดเชยแสง” ได้ต่อเมื่อมีรูรับแสง ชัตเตอร์สปีด หรือ ISO ค่าใดค่าหนึ่งเป็น Auto ไว้ แล้วกล้องจะวัดแสงที่คิดว่าพอดีด้วยตัวกล้องเอง ถ้าเราเห็นแล้วรู้สึกว่ากล้องวัดแสงได้มืดเกิน หรือสว่างเกิน แต่ไม่อยากปรับ 3 ค่าข้างบน เราสามารถปรับเพิ่มลดแสงที่ค่าชดเชยแสงได้ด้วย(เป็นการบอกกล้องว่า นี่…วัดแสงแบบนี้มันมืดเกินนะ สว่างขึ้นอีกสักหน่อย อะไรแบบนี้)